โหลด Youtube Go
ระยะแรกให้อาหารสำเร็จรูป (ชนิดเดียวกับอาหารปลาดุก) ในช่วงเย็นวันละ 2 กิโลกรัม เป็นเวลา 1 เดือน หลังจากนั้นให้ 3 - 4 วันต่อครั้ง และ 7 วันต่อครั้ง โดยให้อาหารเป็นเวลา 3 เดือน ก็หยุดให้ นอกจากนี้ ที่มุมของแปลงนาติดไฟนีออนไว้ 3 จุด (จุดละ 1 หลอด) เพื่อล่อแมลงให้มาเล่นไฟแล้วตกลงไปเป็นอาหาร โดยจะเปิดไฟตั้งแต่ 6 โมงเย็น ถึง 6 โมงเช้าทุกวัน จนกว่าน้ำจะแห้ง 2. การควบคุมระดับน้ำจะควบคุมให้อยู่ในระดับความสูงประมาณ 20 - 30 เซนติเมตร ขั้นตอนที่ 4: การจับกบ หลังจากเก็บเกี่ยวข้าวตามปกติ (เดือนพฤศจิกายน) หลังจากนั้นก็ปล่อยให้น้ำแห้ง เมื่อน้ำแห้งกบจะจำศีล จะไม่กินอาหาร ใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ ซึ่งกบที่จำศีลจะมีไขมันค่อนข้างมาก แต่จะไม่มันเหมือนไขมันสัตว์ชนิดอื่นๆ เมื่อนำไปประกอบอาหารแล้วจะได้รสชาติที่อร่อย เรียบเรียงโดย: วิษณุ นึกอนันต์. เจ้าหน้าที่ร่วมด้วยช่วยกันจ. พิษณุโลก.
ยาว 4 ม. สูง 1. 5 ม. จะแขวนอยู่ในบ่อดิน ขนาด 1-3 ไร่ หรือ แหล่งน้ำต่างๆโดยจะแขวนกระชังจมอยู่ในน้ำ 50 ซม. จากนั้นใส่แผ่นโฟมให้กบขึ้นมาอาศัยและวางถาดอาหาร หากมีปัญหามีนกมากินลูกกบ ต้องทำฝาปิดกระชัง อัตราปล่อยลูกกบที่ 50-100 ตัว/ตรม. การเลี้ยงแบบนี้มีข้อดี คือ ได้ผลผลิตกบที่มีคุณภาพ ส่งออกได้ แต่ก็มีข้อจำกัด คือต้นทุนการจัดการจะสูงเนื่องจาก ต้องใช้แรงงานในการดูแลมากกว่าการเลี้ยงกบในบ่อดิน 4. เลี้ยงในบ่อซีเมนต์ เกษตรกรนิยมเลี้ยงกันมากในปัจจุบัน เพราะดูแลรักษาง่าย ควบคุมคุณภาพของกบได้ โดยมีการพัฒนารูปแบบให้ทำความสะอาดได้สะดวกมากขึ้น เช่น ปูพื้นบ่อด้วยกระเบื้องผิวเรียบ ทำให้มีการสะสมของเชื้อโรคที่พื้นบ่อน้อยลง ขนาดบ่อที่เกษตรกรนิยม คือกว้าง 3-4 ม. ยาว 4-5 ม. 2 ม. ที่นิยมมีอยู่ 2 แบบ คือบ่อพื้นลาดเอียง 25 องศา เพื่อให้ระบายน้ำได้ดี และบ่อแบบมีเกาะกลาง โดยตัวเกาะห่างจากผนัง 50-70 ซม. และควรขัดผิวให้มันเพื่อให้กบขึ้นมาพักผึ่งแดด และเป็นที่วางถาดอาหาร แต่แบบนี้จะทำความสะอาดยากกว่าแบบแรก อย่างไรก็ตาม ในการเลี้ยงกบจำเป็นต้องคอยคัดขนาดของกบให้มีขนาดเท่ากันลงเลี้ยงในบ่อเดียวกัน มิฉะนั้น กบใหญ่จะรังแกกบเล็ก ซึ่งจะทำให้ต้องตายทั้งคู่ ทั้งตัวที่ถูกกินและตัวที่กิน อีกทั้ง การเพิ่มประสิทธิภาพของอาหาร หรือเลือกใช้วัสดุอาหารที่ใช้เลี้ยงกบแล้วกบโตเร็ว มีต้นทุนต่ำ มีผลการศึกษาวิจัยของนักวิชาการประมง หลายแนวทาง ดังนี้ 1.
Hoplobatrachus rugulosus ". IUCN Red List of Threatened Species. Version 2012. 2. สืบค้นเมื่อ 13 December 2012. CS1 maint: multiple names: authors list ( link) ↑ กบนา แหล่งข้อมูลอื่น [ แก้] ข้อมูลเกี่ยวข้องกับ กบนา จาก วิกิสปีชีส์