โหลด Youtube Go
การถ่ายภาพรังสีเอ็กซ์เรย์ ใช้ประเมินความรุนแรงของโรคได้ในช่วงอายุ 12-18 เดือน สำหรับลูกสุนัขที่มีปัญหารุนแรงสามารถตรวจพบการเปลี่ยนแปลงของข้อต่อได้เร็ว กว่านี้ การใช้รังสี สามารถดูลักษณะของข้อสะโพกที่ผิดปกติโดยจะพบว่าหัวกระดูกจะถูกปกคลุมโดยเบ้ากระดูกน้อยกว่า 50% ของหัวกระดูกทั้งหมด อาจพบภาวะอื่นๆเช่น ภาวะกระดูกงอกที่ข้อสะโพกซึ่งเกิดภาวะการอักเสบที่ตามมาจากโรคข้อสะโพกเสื่อม การรักษา แบ่งเป็น 3 ลักษณะคือ 2. 1 การรักษาทางยา เป็นการรักษากรณีที่เริ่มมีอาการ โดยการใช้ยาแก้ปวด ลดอักเสบ รวมทั้งการใช้สารเสริมอาหารพวกกลูโคซาไมด์ และคอนดรอยติน ร่วมไปกับการควบคุมปริมาณอาหารที่เหมาะสม นอกจากนี้ควรให้สุนัขมีการออกกำลังกายที่เหมาะสม 2. 2 การรักษาโดยการผ่าตัด มีจุดประสงค์เพื่อ – ลดอาการเจ็บปวดบริเวณข้อต่อ – เพื่อให้สุนัขสามารถกลับมาใช้ขารับน้ำหนักได้ – เพื่อลดการดำเนินไปของโรค แต่อย่างไรก็ตามการผ่าตัดในกรณีที่สุนัขป่วยมานาน กล้ามเนื้อขาเริ่มลีบ จะให้ผลการรักษาที่ไม่ค่อยดีนัก ทั้งนี้ การผ่าตัดมีหลายวิธี เช่น การผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพก การตัดหัวกระดูกในรายที่มีการเจ็บและอักเสบของข้อสะโพกอย่างรุนแรง 3.
วิโรจน์กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องใหม่ทั้งหมด เดิมเคยมีการผ่าตัดคล้ายกันทำนองนี้ตั้งแต่ปี 1950 แต่ไม่ประสบความสำเร็จ จึงได้ปรับปรุงและแก้ไขเรื่อยมา จนกระทั่งศัลยแพทย์กระดูกและข้อ นพ.
ที่มีโอกาสเสี่ยงจะเป็นโรคนี้ เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมและเตรียมรับมือในการดูแลเจ้าตูบของเรากัน 1. โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever) ด้วยความเป็นสุนัขพันธุ์ใหญ่ พี่ใหญ่ใจดีอย่างโกลเด้นเลยมีโอกาสที่จะเป็นโรคเกี่ยวกับกระดูกได้ง่าย อีกทั้งยังเป็นสุนัขที่มีปัญหาเกี่ยวกับโครงสร้างสายพันธุ์อยู่แล้ว คนที่เลี้ยงโกลเด้นยิ่งต้องเอาใจใส่มาก ๆ คอยหมั่นสังเกตพี่เด้นเขากันด้วยนะ 2. ลาบราดอร์รีทรีฟเวอร์ (Labrador Retriever) ลาบราดอร์เป็นสุนัขรักสนุก กระตือรือร้น ช่างเอาอกเอาใจ จึงไม่แปลกใจที่จะเห็นสุนัขพันธุ์นี้เป็นเพื่อนซี้สี่ขาคู่หูของหลายครอบครัว แน่นอนว่าด้วยพันธุกรรมของเขาจึงทำให้มีโอกาสเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคข้อสะโพกเสื่อม ถ้าครอบครัวไหนเห็นเขาเริ่มซึม ไม่ค่อยเดินหรือวิ่ง ควรพามาพบแพทย์เพื่อตรวจอาการ 3. ปอมเมอเรเนียน (Pomeranian) สุนัขพันธุ์เล็กแสนดื้ออย่างปอมเมอเรเนียนก็มีโอกาสที่จะเป็นโรคข้อสะโพกเสื่อมได้เหมือนกัน ปกติน้องจะมีพลังล้นเหลือ ร่าเริง เห่าเก่ง โดยเฉพาะเห่าใส่สุนัขพันธุ์ใหญ่ทั้งที่ตัวเองตัวเล็กกว่าเขา เพราะฉะนั้นถ้าเห็นเขาไม่ซ่าแบบปกติที่เคยเป็นเช่น เดินลากขา เดินโหย่งขา หรือไม่เดินเลย จึงควรนำมาพบแพทย์เช่นกัน 4.