Present Simple ประโยค, หลักการใช้ Present Simple Tense ฉบับเข้าใจง่าย
สำหรับการเรียนภาษาอังกฤษนั้น การศึกษาเรื่องไวยากรณ์เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เราทำข้อสอบและเข้าใจหลักการใช้ภาษาอังกฤษให้ง่ายขึ้น Present Simple Tense เรียกได้ว่าเป็น Tense ที่สุดแสนจะเข้าใจง่าย เรามาดูหลักการใช้งานกันเลยครับ โครงสร้าง Present Simple Tense โครงสร้างประโยค Subject Verb 1 ประโยคบอกเล่า I/You/We/They eat spicy food. He/She/It reads novels. do/does not ประโยคปฏิเสธ do does read novels. Do/Does Verb 1? ประโยคคำถาม Do I/you/we/they eat spicy food? Does he/she/it read novels? Wh questions ประโยคคำถาม Wh- Why When Note: Verb ในตารางเป็นเพียงตัวอย่างเฉยๆนะครับ บางครั้งไม่สามารถใช้ Verb นี้ได้กับ Subject บางตัว เพราะจะทำให้ประโยคไม่มีความหมาย หรืออ่านแล้วรู้สึกผิดเพี้ยน Present Simple Tense มีโครงสร้างประโยคที่ง่ายที่สุดแล้วครับ เพียงแต่ต้องระวังการเติม s หรือ es ท้ายกริยาเท่านั้นเอง โดยมีวิธีจำง่ายๆคือ ถ้าประธานเป็นเอกพจน์ – เติม s หรือ es ท้ายคำกริยา ถ้าประธานเป็นพหูพจน์ – ไม่ต้องเติมอะไรท้ายคำกริยา เราจะใช้ Present Simple Tense เพื่อพูดถึงเหตุการณ์ในปัจจุบันในลักษณะต่อไปนี้ 1.
- กฎน่ารู้ของ Present Simple Tense
- ปฏิเสธ
- หลักการใช้ Present Simple Tense [ 2 ข้อ จำให้แม่น] ปัจจุบันธรรมดา ใช้บ่อยสุดเลยอันนี้ - ภาษาอังกฤษออนไลน์
- English So Easy : หลักการใช้ Present Simple Tense เข้าใจง่าย ไม่สับสน
- Present simple tense ประโยค
กฎน่ารู้ของ Present Simple Tense
(คุณอยู่บ้านมั้ย) · Is she beautiful? (เธอสวยมั้ย) โครงสร้างประโยคปฏิเสธ am not at home. (ฉันไม่ได้อยู่บ้าน) isn't beautiful. (เธอไม่สวย) ** ถ้าจำหลักการใช้และโครงสร้างของ Tense ได้ ภาษาอังกฤษก็ไม่ยากอีกต่อไป.. by EngSoEasy
อ้างอิงจาก:
ปฏิเสธ
ใช้พูดถึงความจริงในชีวิตประจำวัน หรือความจริงตามธรรมชาติ Examples I live in Chiang Mai ฉันอาศัยอยู่ในเชียงใหม่ Cats hate mice. แมวเกลียดหนู The Earth revolves around the Sun. โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์ 2.
หลักการใช้ Present Simple Tense [ 2 ข้อ จำให้แม่น] ปัจจุบันธรรมดา ใช้บ่อยสุดเลยอันนี้ - ภาษาอังกฤษออนไลน์
ฝน ไม่ค่อยจะ ตก ใน ตอนเช้า We hardly ever drink coffee in the evening. เรา แทบจะไม่ เคย ดื่ม กาแฟ ใน ตอนเย็น They never drive to work. พวกเขา ไม่เคย ขับรถ ไป ทำงาน Somchai plays football everyday. สมชาย เล่น ฟุตบอล ทุกวัน We watch a movie every Monday. เรา ดู หนัง ทุก วันจันทร์ She goes to England every year. หล่อน ไป ประเทศอังกฤษ ทุก ปี ถ้ามีกริยาช่วยนำหน้าแล้ว กริยาไม่ต้องเติม s หรือ es ทุกกรณี I can run very fast. ผม สามารถ วิ่งได้เร็ว She can swim very fast. หล่อนสามารถว่ายน้ำได้เร็ว You should go now. คุณ ควรจะ ไป เดี๋ยวนี้ He should go now. เขา ควรจะ ไป เดี๋ยวนี้ We must eat to live. เรา ต้อง กิน เพื่อ อยู่ She must drink milk every morning. หล่อน ต้อง ดื่ม นม ทุกเช้า กริยาช่วย 24 ตัวมีอะไรบ้าง ⇒ กริยาช่วย 24 ตัว ⇐ ◊ Time Line เส้นเวลา หลังจากที่ได้อ่านหลักการใช้แล้ว ทีนี้มาดูไทม์ไลน์กันว่าจะเป็นจริงอย่างที่บอกไว้หรือไหม่ ทีบอกว่า tense นี้ใช้ บอกข้อเท็จจริงทั่วไป สีดำคือ อดีตที่หมองหม่น สีส้มคือปัจจุบันที่สดใส สีชมพู คือ อนาคตที่เรืองรองผ่องอำไพ ลูกศรสีขาวไซร้คือเหตุการณ์ ให้สังเกตุที่ลูกศรนะครับ มันคือเหตุการณ์ จะเห็นว่ามันมีอยู่ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต นั่นหมายความว่า ข้อความที่เราพูดหรือเขียน มันเป็นจริงอย่างนั้น ไม่ว่าจะเป็นในอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคตก็ได้ ตามที่ลูกศรชี้บอก เช่น His name is Somchai.
โครงสร้างประโยค คือ Subject + Verb 1 ใช้กับเหตุการณ์ 1. ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่เป็นความจริงตลอดไปหรือเป็นความจริงตามธรรมชาติ เช่น The sun rises in the east. ( พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก). Fire is hot. ( ไฟร้อน) 2. ใช้กับการกระทำที่ทำจนเป็นนิสัย มักจะมีกลุ่มคำที่มีความหมายว่า เสมอๆ บ่อยๆ ทุกๆ อยู่ด้วย เช่น I get up at six o'clock everyday. ฉันตื่นนอนเวลา 6 นาฬิกาทุกวัน) หลักการจำและนำไปใช้ ประธาน He, She, It หรือ 1 เดียวเท่านั้น ต้องเติม s หรือ es ท้ายคำกริยาด้วย มีกริยาช่วย คือ does 2. ประธาน I, You, We, They, หรือ 2 ขึ้นไป กริยาเหมือนเดิม มีกริยาช่วย คือ do 3. และ ใช้ในประโยค คำถามและปฏิเสธ 4. ในประโยค มีคือ กริยาไม่ต้องเติม s / ชนิดของประโยค ประโยคบอกเล่า = Subject + Verb1 + (Object). เช่น She likes English. Jack plays football everyday. I like Thai. Jack and his friends play ประโยคคำถาม 2. 1 Yes/No question ใช้ Do, Does + ประธาน + กริยา? Does she English? football everyday? Do you Thai? การตอบแบบ Short answer Yes, he/she/it does. No, doesn't. I/you/we/they do. don't. 2. 2 Question words (What/ Where/ When / Why/ ……+ do/does + ประธาน + กริยา …….? )
English So Easy : หลักการใช้ Present Simple Tense เข้าใจง่าย ไม่สับสน
อัปเดตเมื่อ 26 มี. ค. 2562 ก่อนที่เราจะไปดูกฎการใช้ present simple tense เรียนพิเศษภาษาอังกฤษกับครูจิ๊บ เราลองมาดูตัวอย่างประโยคในปัจจุบันกาลกันก่อนดีกว่าค่ะ Tim has an adorable baby. We have a loving family. My cousin and I love going fishing on the weekend. This shopping mall welcomes more than a million Chinese tourists every year. Jennifer and Christina do not work as teachers. She does not live in this neighborhood. จากตัวอย่างข้างต้น จะสังเกตเห็นอะไรไหม verb หรือ กริยาใน present simple tense สื่อความหมายได้หลายรูปแบบมาก เรามาเริ่มจากหลักการใช้ present simple tense กันก่อนดีกว่า 1. เหตุการณ์หรือข้อมูลที่เป็นความจริง 2. การกระทำที่ทำบ่อย ๆ จนเป็นนิสัย 3.
Present simple tense ประโยค
- Present simple ประโยคปฏิเสธ
- ข้าว หน้า หมู ผัด กิ ม จิ น
- 10 พาเลทสีรุ้งสดใสสุดมหัศจรรย์ฟรี เพื่อใช้ในการออกแบบของคุณ
- กฎน่ารู้ของ Present Simple Tense
- ลง mac บน pc vmware 2020
- 1.1 ระบบในร่างกายมนุษย์ 10 ระบบ - เรียนรู้วิทยาศาสตร์
- หลักการใช้ Present Simple Tense [ 2 ข้อ จำให้แม่น] ปัจจุบันธรรมดา ใช้บ่อยสุดเลยอันนี้ - ภาษาอังกฤษออนไลน์
- หางาน สมัครงาน งาน ตำแหน่ง Digital Marketing Officer ,บริษัท โตโยต้าบัสส์ จำกัด
โครงสร้างประโยค Subject + Verb 1 (s, es) Verbช่วยที่ใช้ คือ Verb to do (do, does) หลักการใช้ Present Simple Tense 1. ใช้พูดถึงเหตุการณ์หรือการกระทำที่ เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา หรือ เกิดขึ้นเป็นประจำซ้ำไปซ้ำมา เช่น I drink a lot of water. (ฉันดื่มน้ำเยอะ) 2. ใช้กับการกระทำที่ ทำจนเป็นอุปนิสัย หรือ ใช้เพื่อแสดงความถี่ของการกระทำต่างๆ โดยเรามักใช้กับ คำกริยาวิเศษณ์แสดงความถี่ (Adverbs of Frequency) มาช่วยในการแสดงความถี่ของการกระทำ เช่น I always do my homework. (ฉันทำการบ้านของฉันเสมอ) *อย่างไรก็ตามประโยคที่มี คำกริยาวิเศษณ์แสดงความถี่ (Adverbs of Frequency) นั้นไม่จำเป็นจะต้องเป็น Present Simple Tense เสมอไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่า ประโยคนั้นกล่าวถึง การกระทำในช่วงเวลาใด เช่น I usually went to a museum. (Past Simple Tense) I will always love you. (Future Simple Tense) 3. ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่ เป็นความจริงตลอดไป (fact) หรือ เป็นกฎทางธรรมชาติ (natural law) โดยไม่จำเป็นว่าการกระทำนั้นๆ กำลังเกิดขึ้นในขณะที่พูดหรือไม่ เช่น Snow is white. (หิมะมีสีขาว) 4. ใช้เมื่อต้องการพูดถึง ตารางเวลา (Schedule) หรือ แผนการ (Plan) ที่ได้วางไว้ เช่น The meeting starts from 8.