โหลด Youtube Go
เซิ้งกระติบข้าว ตัวอย่าง VCD รำไทย - YouTube
นาฏศิลป์ไทย เป็นวีซีดีเพลงไทยเดิมร้องประกอบรำที่มีเนื้อหาประกอบ ด้วยการสอนท่ารำพื้นฐานเบื้องต้นโดยสังเขปรวมถึงการแสดงการรำแต่ละชุดที่นำเสนอท่ารำแต่ละท่ารวมทั้งเนื้อร้องครบถ้วนด้วยลีลาท่าทางที่อ่อนช้อย และสวยงามพร้อมทั้งความเป็นมาของรำแต่ละชุดทั้งภาษาไทย และอังกฤษโดยสังเขป รายละเอียด ความยาววีซีดีรวม ๕๕ นาที จำนวนการแสดง ๙ เพลง รูปแบบผลิตภัณฑ์ วีดีโอ ซีดี วีซีดีชุด การแสดงพื้นเมืองอีสาน: เซิ้งกระติ้บข้าว ประกอบด้วยการแสดงรำชุดต่าง ๆ ประกอบด้วย: 1. เซิ้งกระติ้บข้าว 2. เซิ้งแหย่ไข่มดแดง 3. รำตังหวาย 4. รำดึงครกดึงสาก 5. รำเพลิน 6. เซิ้งจับปลา 7. รำไทภูเขา 8. แพรวากาฬสินธุ์ 9. อีสานม่วนซื่นา
๒. ภาษาในการสื่อเรื่องราว ได้แก่ เนื้อเพลง ประกอบการแสดงฟ้อนรำ บทพูดในการแสดงละคร ๓. การวาดภาพฉาก ได้แก่ ฉากในการแสดงละคร ๔. การแต่งหน้านักแสดง ๕. การตกแต่งเครื่องแต่งกาย ได้แก่ เครื่องประดับ สร้อย ต่างหู เข็มขัด กำไลข้อมือ ข้อเท้า สร้อยสังวาลย์ สไบ ๖. อุปกรณ์การแสดง เช่น รำเซิ้งกระติบข้าว จะมีกระติบข้าวประกอบการแสดง เซิ้งสวิง จะมีสวิงและข้องเป็นอุปกรณ์ประกอบ ๗. การสร้างฉากเวทีการแสดง จากองค์ประกอบทั้ง ๗ ข้อ เป็นการผสมผสานของการแสดงนาฏศิลป์ที่สมบูรณ์แบบ หลักการแสดงนาฏศิลป์จะเน้นการแสดงออกทางการเคลื่อนไหวที่มีระบบและงดงามอ่อนช้อยมี 2 ลักษณะ คือ ๑. การฟ้อนรำ ๒. การเคลื่อนไหว การเคลื่อนไหวที่ไม่สื่อความหมาย หรืออารมณ์แบบเฉพาะเจาะจง ได้แก่ ๑. รำหน้าพาทย์ ๒. รำเพลงช้า เพลงเร็ว การฟ้อนรำจะประกอบด้วยการเคลื่อนไหวร่างกายส่วนต่าง ๆ ดังนี้ ๑. แขน ๒. ขา ๓. มือ ๔. เท้า ๕. เรือนร่าง ๖. ใบหน้า ส่วนของใบหน้าจะแสดงออกถึงอารมณ์และการสื่อความหมายในการแสดง การแสดงแบบนี้เป็นลักษณะการรำใช้บทและแสดงท่าทางในละคร ได้แก่ ๑. รำฉุยฉาย ๒. การแสดงโขน ๓. การแสดงบทบาทในละคร
เรื่องที่เกี่ยวข้องกับ เรื่องที่เกี่ยวข้องกับ ยอดรัก สลักใจ ยอดรัก สลักใจ
ประวัติความเป็นมาของเซิ้งกระติบข้าว เป็นการแสดงของภาคอีสานที่เป็นที่รู้จักกันดี และแพร่หลายที่สุดชุดหนึ่ง จนทำให้คนทั่วไปเข้าใจว่า การแสดงของภาคอีสานมีลักษณะเป็นการรำเซิ้งเพียงอย่างเดียว เซิ้งกระติบข้าวได้แบบอย่างมาจากการเซิ้งบั้งไฟ ซึ่งแต่เดิมเซิ้งอีสานจริงๆ ไม่มีท่าทางอะไร มีแต่กินเหล้ายกมือไม้สะเปะสะปะให้เข้ากับจังหวะเสียงกลองไปตามใจ (มีผู้นิยามว่า ฟ้อนตามแบบกรมสรรพสามิต) โดยไม่ได้คำนึงถึงความสวยงาม นอกจากให้เข้าจังหวะกลอง ตบมือไปตามเรื่องตามฤทธิ์เหล้าในราว พ. ศ. 2507 สมเด็จพระบรมราชินีนาถต้องการการแสดงของภาคอีสาน เพื่อต้อนรับสมเด็จพระนางเจ้าอะเลียนา และเจ้าหญิงบีทริกซ์ แห่งประเทศเนเธอแลนด์ จึงมีการนำเอาเพลงอีสานคือ หมอลำจังหวะช้าเร็ว โดยมีท่าถวายบังคม ท่านกบิน ท่าเดิน ท่าดูดาว ท่าม้วนตัว ท่าสนุกสนาน ท่าปั้นข้าวเหนียว ท่าโปรยดอกไม้ ท่าบังแสงอาทิตย์ ท่าเตี้ย (รำเตี้ย) และในการแต่งกายครั้งแรกนั้นจะนุ่งผ้าซิ่นห่มผ้าสไบ เกล้าผมสูง แต่ไม่มีใครยอมห้อยกระติบข้าวเพราะเห็นว่ารุงรัง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จทอดพระเนตร พระองค์จึงรับสั่งให้ใครสักคนหนึ่งลองรำดูว่า ถ้าไม่ห้อยกระติบข้าว หรือห้อยกระติบข้าวแล้วจะเป็นอย่างไร?